วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่ายแบบออนไลน์ คุณจำเป็นต้อง โดดเด่น ครับ[/COLOR] ไม่มีทางเลือกอื่น

ณ วันนี้ คุณต้องการเป็นนักธุรกิจเครือข่ายแบบไหนครับ ?

ผมมี ตัวอย่างนักธุรกิจเครือข่าย 3 แบบในโลกธุรกิจออนไลน์ที่มีความโดดเด่นชัดเจน แตกต่างกันไป และแน่นอนว่าการพยายามหลอมรวมทุกวิธีการเข้าไว้ที่ตัวเราเพียงคนเดียว อาจกลายเป็นความล้มเหลว สู้คนที่เจาะจงชัดเจนไปเลยว่าตัวเองถนัดอะไรในโลกออนไลน์ ไม่ได้ เพราะการเจาะจงชัดเจนว่าตัวเองถนัดอะไรจะทำให้ เกิดความโดดเด่น ในโลกออนไลน์ได้มากกว่าการพยายามเก่งกาจในทุกวิถีทางครับ

นัก ธุรกิจเครือข่ายทั้ง 3 แบบ มีดังนี้ครับ

1. มนุษย์ไฮเทค

นักธุรกิจเครือข่ายกลุ่มนี้ จะถนัดมากในเรื่องเทคโนโลยีเก่งกาจด้านการสร้างเว็บไซต์และวิเคราะห์สถิติ พวกเขาสามารถทำอะไรได้มากมายในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีความ รู้ในแบบที่พวกเขามี แต่สิ่งที่พวกเขาขาดไป คือการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพราะพวกเขาถนัด เรื่องการใช้เครื่องไม้เครื่องมือไฮเทคมากกว่าถ้าคุณเป็นคนกลุ่มนี้คุณควร มุ่งเป้าไปที่การพัฒนาตัวเองให้เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือการตลาดไฮเทค เช่น การโฆษณาบน google แบบที่เรียกว่า pay-per-clickซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์สถิติ การวัดผลโฆษณาแล้วนำเอาข้อมูลที่ได้ มาปรับแต่งให้การโฆษณาได้ผลดีกว่าเดิมซึ่งข้อได้เปรียบก็คือ คุณจะสามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากเข้ามาหาคุณได้ทันทีแต่หากคุณไม่ถนัดที่จะ สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้คนที่เข้ามาคุณควรเลือกธุรกิจเครือข่ายที่ ไม่เน้นการพัฒนาความสามารถของเพื่อนร่วมทีมมากนักแต่เน้นที่จำนวนคนเข้าร่วม มากกว่า

2. นักสร้างสรรค์

นัก ธุรกิจเครือข่ายกลุ่มนี้ ชอบที่จะสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ๆและให้ข้อคิดดีๆกับผู้คนในโลกออนไลน์อย่าง สม่ำเสมอพวกเขาชอบที่จะเขียนบทความและใช้วิดีโอเป็นสื่อพวกเขาชอบที่จะคิด คอนเซ็ปท์ สร้างไอเดียใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่องและมักจะเป็นพวกชอบขีดเขียน เช่น ชอบเขียน blog ส่วนตัวและมีเรื่องราวใหม่ๆมาเล่าให้ผู้อื่นฟังอยู่เสมอพวกเขามั่นใจในความ รู้ที่มีและยินดีช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่นผ่านทางบทความที่พวกเขาเขียนขึ้นหาก คุณเป็นคนกลุ่มนี้ คุณควรมุ่งเป้าไปที่การดึงดูดผู้คนด้วยบทความและเนื้อหาที่คุณเขียนและ ติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตด้วยการส่งมอบเนื้อหาที่เป็น ประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้อื่นสามารถนำความรู้ที่ได้จาก คุณไปประยุกต์ใช้กับชีวิตและการทำงาน ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก ที่จะทำให้ผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตจดจำคุณในฐานะ ผู้นำ และต้องการเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณอย่างจริงจังซึ่งส่งผลให้ธุรกิจเครือข่าย ของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแรงมากกว่าวิธีอื่น หากคุณเป็นคนกลุ่มนี้คุณควรเลือกธุรกิจเครือข่ายที่เน้นการพัฒนาทักษะของผู้ คนในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่า ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ ก็คือความสำเร็จและความมั่งคั่งที่นำพาคุณไปสู่ชีวิตที่เกษียณได้อย่างแท้ จริงนั่นเอง

3. นักนิยมสังคมออนไลน์

นัก ธุรกิจเครือข่ายกลุ่มนี้คือกลุ่มที่สามารถใช้เวลาได้เป็นวันๆกับการพูดคุย กับผู้คนบนเว็บ SocialNetwork อย่างเช่น facebook และ twitter ซึ่งปกติแล้วพวกเขามักจะมีเว็บSocial Network ที่พวกเขาชื่นชอบเป็นพิเศษอยู่ไม่เกิน 1-2 เว็บซึ่งพวกเขาจะใช้เวลาอยู่บนเว็บนี้นานที่สุดและจะเข้ามาเช็คความเคลื่อน ไหวบนเว็บบ่อยยิ่งกว่าการเช็คอีเมล์เสียอีกพวกเขาคือกลุ่มคนที่เกาะติด สถานการณ์ รู้ทุกความเคลื่อนไหวใน SocialNetwork นั้นๆ และผู้คนจะรับรู้เหตุการณ์ต่างๆใน Social Networkได้จากข้อความที่เขาอัพเดทในโปรไฟล์ของเขาตลอดเวลา หากคุณเป็นคนกลุ่มนี้คุณควรมุ่งสร้างกลุ่มเพื่อนใน Social Network อันใดอันหนึ่งให้ชัดเจนไปเลยและมุ่งพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ที่มีความโดดเด่น เป็นผู้กว้างขวางใน SocialNetwork ที่คุณสถิตอยู่และอุทิศตัวเองให้กับการสร้างสังคมเพื่อนออนไลน์อย่างต่อ เนื่องด้วยการให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆใน Social Network นั้นอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งผู้คนใน Social Network ยอมรับนับถือในตัวคุณและยกให้คุณเป็นผู้นำใน Social Network นั้น

ทั้ง 3 กลุ่มนี้คือ ตัวอย่างของนักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับตัว เขาเองได้อย่างชัดเจนและสามารถสร้างเครือข่ายของเขาในโลกออนไลน์ได้ในเวลา อันรวดเร็ว

หากคุณพึ่งเริ่มต้นในโลกอินเตอร์เน็ต ลองถามตัวเองว่าคุณใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการทำอะไร เช่น คุณชอบเข้า facebookเพื่อพูดคุยกับเพื่อนใหม่ๆ หรือ คุณชอบเขียนและอัพเดท blogของคุณเป็นประจำ หรือว่า คุณชอบวิเคราะห์ข้อมูล ชอบอยู่กับตัวเลขชอบลองเล่น software ใหม่ๆ มากกว่าพูดคุยกับผู้คน


คุณชอบทำแบบไหนมากกว่ากันครับ ?

หาก คุณเลือกได้แล้วว่าชอบแบบไหน ให้เริ่มต้นที่การมุ่งพัฒนาความชอบนั้นจนกลายเป็นทักษะและความชำนาญ ซึ่งแน่นอนว่าต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้มากมายหลายอย่างไม่ว่าคุณจะเลือก เป็นคนกลุ่มไหนใน 3 กลุ่มที่กล่าวมาก็ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้ลงลึกในการผู้ เชี่ยวชาญของแต่ละกลุ่มทั้งสิ้น

จนกว่าจะถึงวันที่คุณกลายเป็นผู้ เชี่ยวชาญ คุณมีแต่ต้องเริ่มต้นที่ วันนี้ เท่านั้นแหละครับ

หรือว่า ไม่จริงครับ

วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

กลยุทธ์การขายจากสุดยอดบริษัท ***

กลยุทธ์การขายจากสุดยอดบริษัท

แรงกดดันจากกระแสโลกาภิวัตน์ การแข่งขันทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ และพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ผู้จัดการฝ่ายขายต้องนำกลยุทธ์การขายที่เคยใช้ในอดีตกลับมาคิดทบทวนใหม่ เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

Mark Marone และ Seleste Lunsford 2 ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพการขาย ได้ศึกษากลยุทธ์ เทคนิคและเคล็ดลับในการขายของ 17 สุดยอดบริษัทชั้นนำ เช่น BellSouth, FujiXerox, Hewlett Packard, Honda Clio Shin, Marriott International และ Office Depot และกลั่นกรองออกมาเป็น 7 กลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด ได้แก่ ช่องทางการขายหลายช่องทาง การแบ่งกลุ่มพนักงานขาย เทคโนโลยีการขาย การขายแบบให้คำปรึกษา การพัฒนาทีมขาย การพัฒนาผู้จัดการฝ่ายขาย และวัฒนธรรมการขาย

ความยืดหยุ่นคือกุญแจความสำเร็จ

ผู้แต่งได้ชี้ถึงปัญหาใหม่ๆ ทั้งจากภายในและภายนอก ที่ทีมนักขายในยุคนี้จะต้องเผชิญ พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์การขายแต่ละแบบที่จะสามารถแก้ไขปัญหาแต่ละอย่าง เช่น กระแสโลกาภิวัตน์ที่นับวันก็มีแต่จะเชี่ยวกรากมากขึ้นเป็นลำดับนั้น นอกจากจะเสนอโอกาสใหม่ๆ ให้แก่บริษัท คือตลาดที่ใหญ่ขึ้นแล้ว ก็ยังนำปัญหามาพร้อมกันด้วย นั่นคือการแข่งขันที่สูงขึ้น นอกจากนี้โลกาภิวัตน์ยังสร้างแรงกดดันด้านราคา และปัญหาด้านการจัดส่งสินค้า รวมทั้งปัญหาเรื่องการรับมือกับกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ในประเทศอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่แตกต่างกัน รวมไปถึงปัญหาการปะทะทางวัฒนธรรม

ผู้แต่งยังชี้ด้วยว่า แม้บริษัทของคุณอาจจะไม่ใช่บริษัทข้ามชาติ แต่ก็ยังไม่วายถูกกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อมจากกระแสโลกาภิวัตน์เช่นกัน

หากบริษัทในยุคนี้ต้องการจะประสบความสำเร็จในด้านการขาย ในขณะที่ต้องเผชิญกับความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการแข่งขันและความคาดหวังที่สูงขึ้นจากผู้บริโภค นอกจากบริษัทจะต้องมีกลยุทธ์การขายที่เหมาะสมแล้ว ยังจะต้องรู้จักยืดหยุ่นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทำงาน โครงสร้างของบริษัทและทรัพยากร รวมไปถึงด้านทรัพยากรบุคคลและเทคโนโลยีด้วย

ความยืดหยุ่นจะทำให้บริษัทสามารถปรับตัวใหม่ และปรับการใช้ทรัพยากรใหม่ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ของบริษัท

กลยุทธ์การขายหลายช่องทาง

การมีช่องทางการขายหลายช่องทาง จะช่วยอุดช่องว่างระหว่างสินค้าของบริษัทกับลูกค้าซึ่งมีหลายกลุ่ม สุดยอดบริษัทเกือบทุกแห่งต่างก็ใช้กลยุทธ์นี้ และยังหาทางที่จะเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น

ผู้แต่งสรุปว่า กลยุทธ์การขายใดๆ ก็ตามที่คุณจะนำมาใช้ จะต้องตอบคำถามทั้ง 4 ข้อต่อไปนี้ให้ได้

1. เราเป็นใคร เอกลักษณ์ของแบรนด์ของคุณคืออะไร และคุณค่าที่นำเสนอต่อลูกค้าคืออะไร

2. เราขายอะไร คำตอบของคำถามนี้จะเป็นตัวกำหนดช่องทางการขายที่เหมาะสม

3. เราขายให้ใคร กลยุทธ์การขายบางอันเหมาะกับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ขณะที่กลยุทธ์อื่นๆ อาจเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นตลาดขนาดใหญ่

4. เราจะขายอย่างไร เราจะมีวิธีสร้างและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร ซึ่งคำตอบที่ได้จะกำหนดการใช้ทรัพยากรที่เหมาะสม

รายชื่อเวปอันดับสูงสุดในการโฆษณา

รายชื่อเวปอันดับสูงสุดในการโฆษณา
pantipmarket.com
http://www.pantipmarket.com
เว็บในเครือของ pantip.com คนเข้าเฉลี่ย 60,000 คน/วัน
sanook.com
http://www.sanook.com
เว็บสนุก เว็บที่มีคนเข้ามากที่สุดในไทยมากกว่า 500,000 คน/วัน
thaisecondhand.com
http://www.thaisecondhand.com
เว็บสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 50,000 คน/วัน
pramool.com
http://www.pramool.com
ประมูล.com เว็บประมูลที่ใหญ่ที่สุด มีคนเข้าชม 120,000 คน/วัน
be2hand.com
http://www.be2hand.com
เว็บ classifield ขนาดใหญ่มีผู้เข้าชมกว่า 50,000 คน/วัน
88db.com
http://www.88db.com
เว็บประกาศขายของในเครือของ jobsdb
is.in.th
http://www.is.in.th
เว็บขายของ online ที่เป็นที่นิยมมากเว็บหนึ่ง
thaionlinemarket.com
http://www.thaionlinemarket.com
เว็บประกาศขายของหลากหลาย คนเข้า 30,000 คน/;ัน
เอ็มไทย
http://www.mthai.com
เว็บยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ในไทย มีผู้เข้ากว่า 300,000 คน/วัน
โพสจัง
http://www.postjung.com
เว็บวาไรตี้ ที่มีผู้เข้าชมกว่า 100,000 คน/วัน
marketatnation.com
http://www.marketatnation.com
เว็บขายของในเครือของหนังสือพิมพ์ The Nation
weloveshopping.com
http://www.weloveshopping.com
เว็บร้านค้า online ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ในเครือของ True



การขาย : กลยุทธ์การขาย / เทคนิคการขาย

ขายง่าย ข่ายคล่อง ต้องขายผ่าน ONLINE !!
การขาย เทคนิคการขาย

เบื่อไหมกับการขายที่ต้องคอยง้อลูกค้า คอยเอาอกเอาใจ ต้องเตรียมการขาย เข้าพบลูกค้า ติดตามอย่างยาวนานกว่าจะปิดการขายได้แต่ละรายแสนยากเย็น

จะดีไหมหากต่อไปนี้มีลูกค้าเดินเข้ามาหาคุณเอง เพิ่มความสะดวกและราบรื่นให้กับการขายของคุณมากยิ่งขึ้น ปิดการขายได้ง่ายขึ้น และเพิ่มยอดขายคุณให้กระฉูดเหนือใคร ๆ

การตลาดอะไรในยุคปัจจุบันที่ช่วยให้คุณขายของได้อย่างง่ายดาย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งประเทศ ... Google คือคำตอบของคุณ !! นั่งเฉย ๆ ลูกค้าก็มาหา ด้วยบริการ Search Engine Optimization (SEO) และบริการลงโฆษณาผ่านเว็บ Google … คุณจะได้รับลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุดเพราะเขาค้นหาสินค้าเหล่านั้นด้วยมือเขาเอง ทำให้คุณปิดการขายได้ง่ายที่สุด เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในไทยกว่า 10 ล้านคน

เว็บไซต์ของคุณคือพนักงานขายชั้นเลิศ !!! ยิ่งดึงลูกค้าเข้าเว็บคุณมากเท่าไร คุณก็จะได้รับยอดขายมากเท่านั้น !

สรุปจุดแข็งของการขายผ่านระบบออนไลน์ คือ

  1. รองรับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  2. ลูกค้าเดินเข้ามาหาคุณเอง คุณจึงเหนื่อยน้อยลง และปิดการขายได้ง่ายขึ้น
  3. จับจอง Google เหมือนจับจองทำเลทอง รอให้คนไทยกว่า 90% คนหาสินค้าของคุณ
  4. ใช้งบประมาณการขายน้อยกว่าวิธีอื่น ๆ มาก
  5. วัดผลได้ชัดเจน ประเมินผลง่าย ทุกอย่างออกมาด้วยระบบสถิติที่แม่นยำ

หยุดแนวคิดแบบเดิม ๆ ด้วยแนวทางใหม่ ๆ ที่ท้าทายให้คุณพิสูจน์ !!

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

RankSure.com เป็นผู้ให้บริการการตลาดออนไลน์ชั้นนำ มีประสบการณ์มายาวนาน พร้อมที่จะให้คำปรึกษาเรื่องกลยุทธ์การขายออนไลน์กับทุกท่าน บริการของเรานั้นประกอบไปด้วย

1. ส่งเสริมการขายด้วย Search Engine Optimization (SEO)
เป็นบริการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณ ให้เข้ากับระบบสูตร (Algorithm) การจัดอันดับของเว็บ Google เพื่อให้เว็บคุณอยู่อันดับ 1 ใน 20 ตาม keyword ที่คุณต้องการ เช่น หากคุณขายอุปการณ์แต่างบ้าน ก็เป็นการปรับแต่งคำว่า “เฟอร์นิเจอร์” เป็นต้น ให้ติดอันดับต้น ๆ เมื่อมีคนค้นหา keyword นี้ >>ดูรายละเอียด

2. ส่งเสริมการขายด้วย Google Adwords Marketing (PPC)
เป็นบริการลงโฆษณาผ่านเว็บ Search Engine เช่น Google, Yahoo, MSN ซึ่งใช้งบประมาณถูกมากเมื่อเทียบกับการตลาดชนิดอื่น คุณจะเสียค่าโฆษณาตามที่มีคนคลิกจริง (ไม่คลิกไม่เสียเงิน) สามารถลงโฆษณาได้อย่างรวดเร็วเพียงวันเดียว มีระบบสถิติวัดผลได้ทันที ทำให้คุณรู้ได้ชัดเจนว่ากำไรหรือขาดทุนเท่าไรทันทีที่คุณลงโฆษณา ความเสี่ยงในการขาดทุนจึงต่ำ >>ดูรายละเอียด

3. บริการลงประกาศผ่านเว็บไซต์ชั้นนำทั่วไทย 10-15 เว็บทุกวัน
แนวทางการตลาดที่ใช้งบน้อยที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการลงประกาศโฆษณาของคุณผ่านเว็บไซต์ชั้นนำของไทย ที่คัดสรรมาแล้วว่ามีผู้เข้าชมมากที่สุดจำนวน 10-15 เว็บ บริการโพสทุกวัน เพื่อเปิดช่องทางแก่ลูกค้ารายใหม่ ๆ เข้าสู่ร้านค้าของคุณ >>ดูรายละเอียด

4. Directory Submission
บริการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของคุณสู่ฐานข้อมูลเว็บไซต์ชื่อชั้นนำในประเทศไทย เพื่อให้เว็บคุณเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บของคุณจากที่ต่าง ๆ มากมายยิ่งขึ้น

เทคนิคการขาย

เทคนิคการขาย

"งานขาย" ถือเป็นงานที่ต้องใช้ศิลปะเพื่อการจูงใจลูกค้า ดังนั้น พนักงานขายจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การเสนอขาย เพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายให้แก่องค์กร และการขยายฐานลูกค้าใหม่

เจาะลึก "ศิลปะการขาย"

  • ก่อนการขายสินค้าใดๆ ก็ตาม ผู้ขายจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับตัวสินค้าหรือบริการมากพอที่จะให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ทั้งในเรื่องราคา ส่วนลด หรือเงื่อนไขต่างๆ ผู้ขายจะต้องแสดงออกผ่านคำพูดด้วยความมั่นใจ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นต่อสินค้า หรือบริการที่นำเสนอขาย
  • พูดให้เป็นธรรมชาติ โดยใช้คำพูดที่สุภาพ เช่นคำว่า สวัสดีค่ะ / ครับ ขออภัย ขอโทษ ขอบคุณ และเวลาพูดก็ควรมีหางเสียง อาทิ ค่ะ ครับ เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์แสลง หรือศัพท์เฉพาะที่ลูกค้าฟังแล้วไม่เข้าใจ
  • หมั่นเสนอแนะถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากสินค้าหรือบริการ
  • พยายามตอบข้อซักถามจากลูกค้า เพื่อลูกค้าจะได้รับทราบข้อมูลสินค้าหรือบริการที่เป็นจริงวิธีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายมากขึ้น
  • อดทนต่อสิ่งต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นได้ในระหว่างการสนทนา เช่น คำตำหนิ คำร้องเรียน การปฏิเสธ การโต้แย้งในเรื่องส่วนลดของสินค้าหรือบริการ โดยผู้ขายต้องไม่แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวต่อลูกค้า
  • สร้างสายสัมพันธ์ระยะยาว เพื่อให้ลูกค้าเก่าเกิดการซื้อซ้ำ รวมถึงช่วยบอกต่อ และชักชวนเพื่อน หรือญาติสนิทให้สนใจซื้อสินค้าด้วย

ขายอย่างไร ให้มีคนซื้อ

    1. ผู้ขายต้องจูงใจลูกค้าด้วยเหตุผล หมายถึง การอธิบายคุณลักษณะ คุณภาพ พร้อมทั้งประสิทธิภาพของตัวสินค้าหรือบริการ โดยมีน้ำหนักเพียงพอที่จะโน้มน้าวให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือได้
    2. ผู้ขายต้องจูงใจลูกค้าด้านอารมณ์ คือ สินค้าและบริการของผู้ขายมีส่วนช่วยให้ลูกค้ารู้สึกดีด้านใดบ้าง เช่น เมื่อเลือกใช้สินค้า หรือบริการของผู้ขายแล้ว ลูกค้าจะมีความสง่า ภูมิฐาน มีรสนิยม นำสมัย รู้สึกสบาย หรือมีความปลอดภัยจากอันตราย เป็นต้น
    3. ผู้ขายต้องจูงใจลูกค้าด้วยระบบบริหารขององค์กร คือ มีระบบการจัดส่งสินค้าตรงเวลา ส่งสินค้าถูกต้องครบตามจำนวน มีบริการที่ดี หรือมีสินค้าให้เลือกมากมาย มีบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ เป็นต้น

เมื่อเจอเพื่อนร่วมงานแย่ๆ

ทำไงดี หากมีเพื่อนร่วมงานแย่ๆ

ทำไงดีหากมีเพื่อนร่วมงานแย่ๆ (ไทยรัฐ)

เมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้คนมากหน้าหลายตา ก็ย่อมมีบ้างแหละที่ต้องเจอกับเพื่อนร่วมงานที่มีทั้งดีและไม่ดีคละเคล้ากันไป แล้วคิดดูสิว่ามนุษย์นั้นไซร้มีหลายประเภทและหลายจำพวกจะตาย หากใครมีเพื่อนร่วมงานดีก็รอดตัวไป เพราะเชื่อเลยว่า เค้าจะทำตัวเป็นเพื่อนทั้งในยามทุกข์และยามสุขให้แก่คุณได้แน่ๆ ส่วนเพื่อนร่วมงานที่แย่ๆ ก็รีบถอยห่างออกมาจากพวกเค้าดีกว่าไหม?

งั้น เรามาดูสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนร่วมงานได้ แล้วมาหาทางแก้ไขกันเถอะ ดังนี้

1. เจอเพื่อนร่วมงานที่เอา แต่พูดโทรศัพท์ส่วนตัวทั้งวี่ทั้งวัน

โอ๊ย ไอ้เรื่องพูดคุยทางโทรศัพท์ส่วนตัวน่ะ ใครๆ เค้าก็ทำกันทั้งนั้นแหละ แต่ควรมีขอบเขตของการคุยโทรศัพท์มั่งสิจ๊ะ ไม่ใช่คุยโทรศัพท์ทีนานเป็นชาติ แถมยังส่งเสียงไปรบกวนสมาธิชาวบ้านอีก ฉะนั้น ถ้าเผื่อคุณมีเพื่อนร่วมงานที่ชอบจี๋จ๋ากะแฟน หรือกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ของการทะเลาะเบาะแว้งกันตามประสาคู่รักคู่กัดละก็ ถ้าคุณอยากตัดรำคาญจากเสียงพูดคุยของพวกเค้า คงต้องหาฉากมากั้นซะแล้วล่ะ เพื่อว่าเสียงของพวกเค้าจะได้ไม่มาทำให้คุณเสียสมาธิตามไปด้วยไง

 2. ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานนินทาคุณล่ะ

ฮ้า ถ้าขืนมีเพื่อนร่วมงานที่ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่นจนคุณเองก็เคยตกเป็นเหยื่อมาแล้ว หากเค้าเม้าท์ถึงคุณไปในทางเสียๆ หายๆ และไม่เป็นความจริงเอาซะเลยละก็ มีทางเลือกให้คุณได้จัดการกับพวกช่างเม้าท์ปากร้ายและใจร้ายเหล่านี้ ด้วยการ…

- แก้ข่าวที่ไม่เป็นธรรมสำหรับคุณซะ เพราะมีนะ ที่ผู้ฟังบางคนหลงเชื่อขี้ปากที่ว่ากล่าวคุณอย่างไม่เป็นธรรม แถมเข้าใจคุณผิดจากขาวเป็นดำไปเลยก็ได้ คุณจึงต้องพึ่งพาตัวเองด้วยการแก้ข่าวที่ผิดๆ ให้มันถูกต้องซะ หรือ..

- เดินเข้าไปหาเพื่อนร่วมงานที่นินทาคุณซะเลย
แล้วถามเค้าตรงๆว่า มีเรื่องไม่พอใจอะไรชั้นรึ ถึงต้องปั้นเรื่องเท็จเกี่ยวกับชั้นแล้วเอาไปพูดให้ชาวบ้านชาวช่องเค้าเข้าใจผิดน่ะ… นี่แน่ะ ให้เจ้าเพื่อนร่วมงานตัวแสบเจอสไตล์ขวานผ่าซากแบบนี้มั่งก็ดี จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่า ทำไมเค้าต้องปั้นน้ำเป็นตัว แล้วเอาข้อมูลผิดๆ มานินทาคนอื่นด้วย ปากแบบนี้ระวังตกนรกนะเฟ้ย

 3. ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานช่างติ 

ตินั่น ตินี่ ติโน่น อะไรนิดอะไรหน่อยก็เอ่ยปากว่าขึ้นมาแล้ว แถมไม่ใช่การติเพื่อก่อ แต่เป็นการติเพื่อทำลายน้ำใจกันมากกว่าละก็ หยั่งงี้ หาทางหลีกเลี่ยงอย่ามายุ่งเกี่ยวกันซะดีกว่า แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ แถมเค้ายังชอบพูดประชดประชัน ประเภทติเพื่อทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อย หรือถูกดูถูกดูแคลนคุณละก็ สักวันคุณก็พูดสวนเค้ากลับไปสิว่า ให้ส่องกระจกมองดูตัวเองก่อนที่จะติเตียนคนอื่นเถอะ! จะได้รู้เซี้ยะมั่ง ว่าเค้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าชาวบ้านนักหรอก ดังนั้น เมื่อเราทำงานร่วมกะใคร ทางที่ดีควรถนอมน้ำใจกันไว้ดีกว่า ขยันสะสมมิตร ดีกว่าสร้างศัตรูนะฮ้า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

การจัดโต๊ะทำงาน

มุมตั้งโต๊ะทำงาน

โต๊ะที่ดีควรตั้งให้สามารถมองเห็นประตูทางเข้าได้ แต่ไม่ควรตั้งโต๊ะ ตรงกับประตูทางเข้าเลย ส่วนด้านหลังของโต๊ะ ควรเป็นผนังทึบ หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ เช่น ตู้เอกสาร เพราะตามหลักฮวงจุ้ยบอกไว้ว่า การนั่งตำแหน่งนี้เสมือน มีภูเขาอยู่ด้านหลัง มีผู้หลักผู้ใหญ่คอยสนับสนุนช่วยเหลือ

หลีกเลี่ยงการตั้งโต๊ะ หันหน้าเข้าหากำแพง หรือฉากกั้นห้อง

เพราะจะเป็นการลดทอนอำนาจ และพลังในการทำงาน ด้านหน้าของโต๊ะควรเป็นที่โล่ง มองเห็นวิวได้กว้างไกล สังเกตมั้ยคะว่าเวลาที่นั่งอยู่กับที่นานๆ พอเงยหน้ามาก็เจอผนังทึบ หรือฉากกั้น ให้ความรู้สึกอึดอัดแค่ไหนแต่ถ้าเห็นที่โล่ง ความรู้สึกเราจะโปร่งสบายขึ้น

การจัดโต๊ะ

ตรงกลางของโต๊ะควรเว้นว่างไว้ เพื่อให้โล่งเหมาะกับการไหลเวียนของพลังงาน ส่วนมุมด้านซ้ายเชื่อว่าเป็นพื้นที่เกี่ยวกับความรู้ สติปัญญา ควรจัดวางกองเอกสาร กองหนังสือ ไว้ด้านนี้ ส่วนมุมขวามือเป็นจุดของการติดต่อสื่อสาร ให้วางปากกา โทรศัพท์ หรือสมุดบันทึก

ด้านขวามือของโต๊ะ ตามหลักฮวงจุ้ยบอกว่า ไม่ควรเป็นทางเดิน

เพราะเชื่อว่า การที่ด้านขวามือของเราเคลื่อนไหว หรือเป็นทางเดิน จะทำให้งานเกิดความไม่แน่นอน อาจทำให้อยากเปลี่ยนงาน หรือออกจากงานได้ ถ้าสังเกตให้ดี บางทีคุณจะพบว่าเพื่อนร่วมงาน ที่มีด้านขวาของโต๊ะเป็นทางเดิน มักจะมีงานเยอะ งานล้นมือ และเหนื่อยหน่ายกับการทำงานมากกว่าคนอื่น

สีของโต๊ะทำงาน

ถ้าเป็นสีดำจะดีสำหรับธุรกิจการเงิน สีอ่อนๆ เหมาะกับคนที่เริ่มต้นลงทุนใหม่ๆ ส่วนโต๊ะที่มีสีสันเหมาะกับคนที่ทำงานคิดสร้างสรรค์

ถ้ามีคอมพิวเตอร์อยู่ด้วย

Screen Saver ของหน้าจอไม่ควรมีรูปเป็นมุมแหลม หรือกากบาท ควรเป็นรูปปลาว่ายน้ำ เคลื่อนไหวตลอดเวลาจะดีที่สุด


เทคนิกการจัดบ้านให้กว้าง

เทคนิคการจัดบ้านแคบให้ดูกว้างขึ้น

หากบ้านของคุณดูแคบเหลือเกิน อย่างเพิ่งกังวล เรามีเทคนิคแบบง่ายๆ ที่จะทำให้บ้านของคุณดูกว้างขึ้นมานำเสนอให้ไปลองทำกันดูนะจ๊ะ

การทาสีห้อง หรือสีบ้าน ให้เลือกสีที่อ่อนๆ จะทำให้บ้านดูสว่างและโปร่งขึ้น อย่าเลือกสีที่ฉูดฉาดหรือร้อนแรงเกินไปนะคะ เพราะจะทำให้บ้านดูทึบและแคบลง (ทำให้ร้อนด้วยนะคะ)

ไม่ควรกั้นผนังห้อง การที่เรากั้นห้องตรงนั้น และก็มากั้นตรงนี้ จะทำให้บ้านเรานั้นดูแคบเข้าไปอีก เพราะว่าช่องๆ ที่เราแบ่งเอาไว้นั้น ทำให้เรารู้สึกเหมือนอึดอัดไปหมด ไปทางไหนก็ติดไปหมด งั้นเราลองเปลี่ยนจากฝนังกั้นห้อง มาเป็นม่านที่สามารถเลือนปิดเปิดได้กันดีกว่า หรือติดกระจกใสก็ได้ (แต่ต้องบอกก่อนนะคะ ว่าถ้าจะทำอย่างนี้ ต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวนะคะ ถ้าเป็นพื้นที่ส่วนตัว กั้นฝนังก็ดีเหมือนกันค่ะ)

การวางเฟอร์นิเจอร์ ไม่ควรวางแบบกระจัดกระจายหรือวางกลางห้อง ควรวางให้เข้ามุมใดมุมหนึ่ง เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น โต๊ะอาหารก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นแบบตั้งโต๊ะถาวร อาจจะเป็นโต๊ะที่สามารถพับเก็บได้ (โต๊ะญี่ปุ่น) และโต๊ะที่ใช้รับประทานอาหารยังสามารถเอามาเป็นโต๊ะเขียนหนังสือได้อีกด้วย

ของใช้ที่มีมากมาย หากของใช้ที่บ้านเรามีชิ้นเล็กชิ้นน้อย เยอะแยะไปหมด แนะนำให้หาชั้นมาไว้เก็บของ นอกจากจะทำให้บ้านดูกว้างขึ้นแล้ว การที่เราเก็บของเข้าชั้นให้เป็นระเบียบ เรายังสามารถหาของได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

การเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีเดียวกันกับห้อง เพราะจะทำให้ดูกลมกลืนไปกับฝาผนัง ห้องจะได้ดูกว้างขึ้น และอาจจะเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ด้านล่างโปร่งก็ได้นะคะ

เฟอร์นิเจอร์ไม่ควรสูงเกินไป เพราะการที่ฟอร์นิเจอร์สูงๆ จะทำให้ฝ้าดูเตี้ยลงมา และจะยิ่งทำให้บ้านดูแคบลง รู้สึกไม่ปลอดโปร่ง รู้สึกเหมือนถูกบีบลงมาจากด้านบน ควรเลือกให้มีความสูงในระดับพอดี (เราจะได้หยิบของถึงด้วยค่ะ)

การเลือกเตียงนอน ควรเลือกแบบที่ด้านล่างโปร่ง (ทำความสะอาดง่ายด้วยค่ะ) เพราะจะได้หาชั้นหรือกล่องที่เก็บของใช้ส่วนตัวที่ใช้ภายในห้องนอน มาไว้ใต้เตียงได้

แสง เป็นสิ่งที่สำคัญในระดับต้นๆ เลยนะคะ เพราะแสงจะทำให้ห้องสว่าง ความสว่างทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ควรเปิดหน้าต่างรับแสงเยอะๆ (แสงช่วยฆ่าเชื้อโรคภายในห้องให้ด้วยนะค่ะ) และยังได้รับลมจากธรรมชาติอีกด้วย แต่ถ้าแสงจากดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาไม่เพียงพอและก็ สามารถใช้หลอดไฟบ้านเราช่วยก็ได้

ติดกระจก การติดกระจกที่ฝนัง (จะบานเล็กหรือใหญ่ก็ได้) จะทำให้เกิดการสะท้อนของแสง แสงในห้องของเราก็เลยจะมีมากขึ้น และยังทำให้ดูเหมือนว่าจะทะลุไปอีกห้องหนึ่งได้ด้วย

การเลือกกระเบื้องปูพื้น ที่ผ่านมา มีแต่ให้เลือกสีโทนเดียวกับบ้าน สีจึดๆ ชืดๆ ตอนนี้เรามาเพิ่มลวดลายให้กับบ้านกันดีกว่าค่ะ โดยที่กระเบื้องปูพื้นนั้น เราสามารถเลือกที่เป็นลวดลายได้นะคะ ลายจะเป็นลายทางตรงยาวๆ ก็ได้ แต่ขอให้เป็นลวดลายเล็กๆ ปูเป็นแนวทะแยงเฉียงกับห้อง แต่ไม่ควรเลือกลายกระเบื้องที่เป็นกรอบรอบห้องนะคะ เพราะมันจะยิ่งทำให้ห้องเราดูแคบขึ้นไปอีก เหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ในกล่องอะไรซักอย่าง

รู้อย่างนี้แล้ว วันนี้รีบกลับบ้านไปจัดบ้านเราใหม่ดีกว่า บ้านเราจะได้กว้างๆ และอีกอย่าง การจัดบ้านแบบนี้ บ้านเราจะดูสะอาดขึ้นด้วยนะคะ ได้ประโยชน์พร้อมกัน 2 อย่างเลยนะ

เครดิต http://www.reviewnuts.com/node/715